ติดต่อเรา เช่ารถตู้อุบล
ติดต่อเรา นายประวิทย์ ชะนีวงค์ กรรมการและผู้จัดการ ร้านอุบลประวิทย์ บริการรถตู้ให้เช่า ในจังหวัดอุบลราชธานี โทร 080 – 8064949 เป็นผู้ให้บริการ เกี่ยวกับเช่ารถตู้อุบล ในจังหวัดอุบลราชธานี รถตู้อุบลของประวิทย์รถตู้ สามารถเดินทางได้ ทั่วไทย เดินทางไปทุกที่ ตามที่ทางลูกค้าระบุมา งานประชุม สัมมนา ดูงาน การท่องเที่ยว แบบกลุ่ม แบบครอบครับ รถตู้ทุกคันใหม่ ภายในตกแต่ง แบบสวยงาม ในรถมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก มากมาย เช่น Free wifi ที่ชาร์ทแบตทุกที่นั่ง คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเพลงแบบ Android Ver 10 จอใหญ่มาตรฐาน ลูกค้ายังสามารถ กดเลือกฟังเพลงจาก http https://www.youtube.com/Youtube ได้ทุกเพลงที่ต้องการ มีไมค์ 2 ตัวภายในรถ ร้องเพลงได้อย่างไพเราะ ติดต่อเรา เพื่อสอบถามการบริการ ได้ที่ เบอร์ 080 – 8064949 คุณเพลงได้อย่างไพเราะ ติดต่อเรา เพื่อสอบถามการบริการ ได้ที่ เบอร์ 080 – 8064949 คุณประวิทย์ พร้อมให้บริการท่านตลอด 24 ชั่วโมง หรือ gmail.prawit193group@admin
ติดต่อเรา เพื่อเช่ารถตู้อุบล
- ประสบการณ์การทำงานมากกว่า 10 ปี
- รถทุกคันตรวจสภาพก่อนใช้งานทุกครั้ง
- รถทุกคันเป็นรถตู้แบบ VIP ภายในตกแต่งสวยงาม
- คนขับตรวจ ATK ทุกครั้งก่อนขับรถ
- คนขับรถตู้ทุกคนฉีดวัคซีน 3 เข็มขึ้นไป
ติดต่อเรา นอกจากนี้ รถตู้อุบล ของประวิทย์รถตู้ ยังมีกลุ่มรถตู้ ในจังหวัดอุบลราชธานี ที่พร้อมจะให้บริการการ ให้เช่ารถตู้อุบลราชธานี มีรถตู้ไว้รองรับการให้บริการมากกว่า 50 คัน รถตู้คันมีมาตรฐาน ด้านความปลอดภัยที่สูง มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง มีพนักงานขับรถตู้ ที่มากด้วยประสบการณ์การขับรถที่มากกว่า 10 ปี ทุกคน รถตู้คันภายใน ตกแต่งภายในแบบสวยงาม ผลงานของทีม รถตู้อุบลประวิทย์รถตู้ ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสได้รับใช้สังคมงาน ที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ ภาคเอกชน โรงเรียน กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว มากมาย ตลอดทั้งทีมงาน ดารา ช่อง TV ต่าง มากมายครับ ติดต่อเราเพื่อสอบถามข้อมูลการเดินทางได้ครับ
กลุ่มรถตู้ในจังหวัดอุบล ที่พร้อมให้บริการ
- อุบลทีที โทร 083-7448440 https://www.ubon-tt.com/
- อุบล Super Van โทร 089-0162286 http://www.ubonprawitvan.com/
- อุบลประวิทย์กรุ๊ป โทร 085-0138576 http://www.ubonprawit1.com/
- อุบลซาริโอ ม่วงสามสิบ โทร http://ubonamazingvan.com/index.html
เรามีรถตู้ไว้คอยบริการ ตลอดเวลา
เงื่อนไขการให้บริการ
- ค่าบริการวันละ 1,800 บาท
- ไม่รวม ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
- ระยะเวลา การทำงาน 06.00 – 20.00 น. ถ้าเกินเวลา ที่กำหนดคิดค่าโอที ชั่วโมงละ 200 บาท
- ในกรณีเดินทาง ไปต่างจังหวัด ทางผู้ว่าจ้างจะต้องจัดหา ที่พักให้กับทางพนักงาน ขับรถด้วย เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
- หากไม่สามารถ จัดหาที่พัก ให้กับทางพนักงานขับรถตู้ให้ ก็ให้ทางพนักงานขับรถหาที่พักเอง ก็ได้ โดยทางผู้ว่าจ้าง เป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้กับพนักงาน ขับรถตู้
- ห้ามนำสิ่งเสพติด ทุกชนิดขึ้นภายในรถตู้ โดยเด็ดขาด และห้ามเล่นการพนัน และห้ามดื่มสุรา ในรถตู้ หากมีข้อสงสัยเหล่านี้ ทางพนักงานขับรถสามารถ ให้ทางตำรวจตรวจสอบ ได้ทันที
- หากต้องการ ติดต่อการเช่ารถตู้อุบลโทร 085 – 0138576 โดยมีการจ่ายค่ามัดจำในการจองรถ 500 บาท / คัน
ขั้นตอนการจองรถตู้
- ติดต่อเรา เพื่อสอบถามราคา ค่าบริการ ทางโทIศัพท์ หรือ ทาง LINE
- ลูกค้าส่งโปรแกรมให้ผู้ว่าจ้างดู เพื่อประเมินราคาค่ารถตู้ และค่าน้ำมัน หรือค่าใช้จ่าย อื่น ๆ
- ลูกค้าจ่ายเงินค่ามัดจำ 20 % ของราคาค่าเช่ารถตู้
- โทร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 085-0138576
- โอนเงินค่าบริการรถตู้ได้ที่
- ธนาคารกรุงไทย
- เลขที่ 321 – 1-56401-2
- ชื่อนายประวิทย์ ชะนีวงค์
แนะนำสถานที่ ท่องเที่ยวสุดฮิตของบึงกาฬ
9 ที่เที่ยวเด่นบึงกาฬ มาถึงต้องไป
เหนือสุดแดนสยาม คือ เชียงราย ใต้สุด คือ นราธิวาส สุดปลายอีสาน คือจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย บึงกาฬ จังหวัดเล็กๆ ที่หลายคนอาจยังมาเที่ยว ไม่ถึงแบบเจาะลึก แต่ก่อนเหตุ ผลที่มาบึงกาฬ เพราะอยากมาเที่ยว ภูทอก สถานที่สุด unseen ขึ้นชื่ออันดับต้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้มีแค่ภูทอก แต่ยังมีถ้ำนาคาที่กำลัง ฮอตสุดๆ ในตอนนี้ กลายเป็น บึงกาฬ โฉมใหม่ ที่ไม่ได้มีดีแค่ภูทอก แต่ยังมีสถานที่สวยแปลกเกิดขึ้นอีกหลายแห่ง แต่ละแห่งต้องบอกว่าสวยงามแปลกตาคุ้มค่ากับการนั่งรถมาไกล กับ 9 ที่เที่ยวเด่นบึงกาฬ มาถึงแล้วต้องไป
ภูทอก
ภูทอก เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง จ.บึงกาฬ จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก ใช้เพียงแรงงานคนสร้างบันไดเวียนไปมารอบภูทอกเห็นวิวแบบ 360 ภู นักท่องเที่ยวสามารถเดินชม แบบสะพานเวียน รอบเขาซึ่งจะได้เห็น มุมมองที่แตกต่างไปเรื่อย ๆ ไฮไลท์ของภูทอก คือ พุทธวิหารอันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะแปลกและน่าอัศจรรย์ คือ เป็นหินแยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ตกลงมาเพราะตั้งอยู่อย่าง ได้ฉากกับพื้นโลกพอดี คล้าย ๆ กับพระธาตุอินทร์แขวนที่พม่า ภูทอกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยว ขึ้นในวันที่ 10 -16 เมษายน ของทุกปี
หินสามวาฬ ภูสิงห์
หินสามวาฬ หนึ่งในจุดท่องเที่ยว ที่น่าสนใจในพื้นที่ ป่าภูสิงห์ ตั้งอยู่ในอำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่ม ของก้อนหินรูปทรงต่าง ๆ ที่สวยงามแปลกตา และถ้ำกระจายอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ สามารถแวะชมได้หลายจุด รวมถึงหินสามวาฬ ที่มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง เหตุผลที่เรียกว่า หินสามวาฬ เพราะลักษณะของจุดชมวิวนี้เป็นก้อนหินขนาดใหญ่ 3 ก้อน รูปร่างคล้ายปลาวาฬเรียงกันยื่นออกไปสู่หน้าผา หากมองในมุมสูงจะเหมือนกลุ่มวาฬที่มีพ่อ แม่ ลูก จึงเรียกกันว่า หินสามวาฬ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามโดดเด่นของภูสิงห์ สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า เบื้องหน้าคือ วิวของผืนป่าเขียวขจีและสายหมอกบาง
ถ้ำนาคา
ถ้ำสวยสุด Unseen ที่กำลังโด่งดังอย่างมากในเวลานี้ ตัวถ้ำตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติภูลังกา ความโดดเด่นของถ้ำแห่งนี้ คือ มีหินขนาดใหญ่รูปร่างคล้าย งูยักษ์ หรือ พญานาค อยู่หลายจุด บางก้อนก็มีลักษณะคล้ายกับหัวและมีลวดลายของกินคล้ายกับเกร็ดของพญานาค โดยชาวบ้านมีความเชื่อว่า ถ้ำนาคา คือ พญานาค หรือ งูยักษ์ ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน เพราะบริวารของพญานาค ผู้ครองเมืองบาดาล ไปมีสัมพันธ์สวาทกับมนุษย์ และเมืองบาดาลที่พญานาคและบริวาร อาศัยอยู่ คือ บึงโขงหลง ในจังหวัดบึงกาฬปัจจุบัน
พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต
หากกล่าวถึงสตรีทอาร์ตในเมืองไทย ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับภาพสตรีทอาร์ตที่วาดตามกำแพงริมถนนหรือตามอาคารตึกเก่าต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับ วิถีชีวิตและเอกลักษณ์ของที่แห่งนั้น แต่ถ้ามา บึงกาฬ จะตื่นตาตื่นใจกับ สตรีทอาร์ต ในหมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่ ที่ได้นำความเชื่อและความศรัทธาที่มีต่อพญานาค ผสมผสานกับอาชีพเกษตรกรรมและความชอบของแต่ละครอบครัว บรรจงวาดเป็นภาพเขียนสีพญานาคบนผนังของแต่ละบ้านจำนวน 22 รูป กลายเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวสตรีทอาร์ต หรือหมู่บ้านภาพวาดเขียนสีพญานาค หนึ่งเดียวในโลก ที่มีบรรยากาศน่ารักสร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้มาเยียมเยือน ในหมู่บ้านยังมี พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต ตั้งอยู่ในอำเภอโซ่พิสัย จัดแสดงวิถีชีวิตของชุมชนชาวอีสานแบบดั้งเดิม รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่ เรียกว่า เมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้เราจะได้สัมผัสกลิ่นอายวิถีชีวิตชุมชนชนบทแบบดั้งเดิมที่ผสมผสานศิลปะร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
บึงโขงหลง
บึงโขงหลง ตั้งอยู่ที่ อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดบึงกาฬ มีลักษณะเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์นก โดยเฉพาะนกน้ำที่ย้ายถิ่นเข้ามาในช่วงฤดูหนาว ทั้งห่านป่า นกเป็ดน้ำ นกยาง นกกระเต็น จุดท่องเที่ยวเด่น คือ สวนสาธารณะบึงโขงหลง แหล่งพักผ่อนและชมวิวทิวทัศน์ที่งดงาม ที่มีหอชมนก และระเบียงชมวิว โดยเฉพาะในยามเย็นซึ่งพระอาทิตย์ใกล้ตกดินมีบรรยากาศที่งดงามมาก นอกจากนี้หากมาเที่ยวในฤดูร้อนจะได้เห็นหาดคำสมบูรณ์วิวเนินทรายที่สวยงาม ที่มีหาดทรายทอดยาว บึงโขงหลง เป็นบึงที่มีน้ำตลอดปี ทำให้สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ นั่งเรือชมวิวรอบบึง สัมผัสกับธรรมชาติและสายน้ำที่สวยงาม บึงโขงหลง จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของบึงกาฬที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
วัดอาฮงศิลาวาส
วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่เขตพื้นที่บ้านอาฮง อ. เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 21 ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮง แอ่งน้ำขนาดใหญ่จากฝั่งไทยถึงฝั่งลาวที่มีความยาวประมาณร้อยกว่าเมตร วัดอาฮงศิลาวาส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดบึงกาฬ ด้วยเหตุที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม พื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงเป็นแนวโค้งยาวประกอบกับมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องพญานาค มีความเชื่อกันว่าบริเวณหน้าวัดซึ่งเป็นที่ตั้งของแก่งอาฮง คือ จุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก 200 เมตร ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาที่วัดอาฮงอย่างไม่ขาดสาย
แก่งอาฮง
ตั้งอยู่หน้าวัดอาฮงศิลาวาส ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี สามารถมองเห็นแก่งอาฮง แก่งหินกลางลำน้ำโขงปรากาฎขึ้นมาเหนือน้ำ กลุ่มหินมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน เช่น หินลิ้น นาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย นอกจากเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย โดยจัดทำเป็นเส้นทางเดินขนานไปกับแนวแม่น้ำ มีป้ายสะดือแม่น้ำโขงตั้งอยู่ตรงกลาง มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและร่มรื่น เมื่อมองข้ามไปยังฝั่งลาวคือ เมืองปากซัน จะเห็นเจดีย์สีทองตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนหินขนาดใหญ่ มีความเชื่อว่า แก่งอาฮง คือ จุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก 200 เมตร บริเวณนี้จะมีน้ำจะไหลเชี่ยววนจนเป็นหลุมรูปกรวย หากมีพวกเศษไม้ ใบไม้หรือวัตถุเล็กๆ ติดอยู่จะถูกกระแสน้ำหมุนวนเป็นรูปกรวยประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงหลุดเคลื่อนไปในที่อื่น เมื่อมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาอีกก็จะต่อตัวเป็นรูปกรวยขึ้นมาใหม่เกิดสลับกันไปตลอดทั้งวัน
วัดโพธาราม
วัดโพธาราม ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นวัดที่มีพระพุทธรูป ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งเป็นศูนย์รวม จิตใจของชาวจังหวัดบึงกาฬ และชาวจังหวัดใกล้เคียง รวมไปถึงในสปป.ลาว ที่อยู่ในลุ่มน้ำโขงแถบนี้ เมื่อเข้ามายังตัววัดจะพบกับ อุโบสถเมื่อมองเข้าไปด้านในก็จะเห็นหลวงพ่อพระใหญ่ประดิษฐานอยู่ด้านในตัวอุโบสถ หลวงพ่อพระใหญ่ เป็นพระพุทธรูปรางมารวิชัยที่มีความงดงาม นอกจากนี้ยังมีเรือกำปั่นโบราณถายในวัด ที่มีผู้คนมาขอโชคลาภมากมาย
น้ำตกถ้ำพระ
น้ำตกถ้ำพระ หรือน้ำตกถ้ำพระภูวัว ตั้งอยู่บริเวณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่ไหลอยู่บน ภูเขาหินทรายขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ ของนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวชมความงามของน้ำตก นอกจากนี้ยังมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่และร่องน้ำ ที่สามารเล่นเป็นสไลเดอร์ได้ ทำให้เล่นน้ำกัน ในลำธารกันได้อย่างสนุกสนาน แต่น้ำตก จะมีน้ำมากใ นฤดูฝนช่วงเดือนกรกฎาคม-ต้นตุลาคม เท่านั้น หากมาในช่วงเดือนอื่น น้ำค่อนข้างน้อยมาก
น้ำตกเจ็ดสี
น้ำตกเจ็ดสี จังหวัดบึงกาฬ ตั้งอยู่ใกลภูทอก เป็นน้ำตกอีกแห่งหนึ่ งที่ได้รับความนิยม จากนักท่องเที่ยว และชาวบ้านในพื้นที่ เดินทางมาท่องเที่ยว และเล่นน้ำบริเวณน้ำตก ซึ่งมีลักษณะเป็นลานหิน น้ำตื้น คล้ายกับสวนน้ำธรรมชาติ ขนาดใหญ่ โดยต้องเดินเท้า เข้าไปสู่ตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ความงดงาม ของน้ำตกเจ็ดสี ที่มีลักษณะเป็นผาน้ำตก ขนาดใหญ่ สูงเกือบ 30 เมตร มีต้นกำเนิด มาจากธารน้ำของห้วยกะอาม หากมา ในช่วงที่ปริมาณน้ำ ในช่วงฤดูฝน อาจมีโอกาส ได้เห็นละอองน้ำกระทบแสงแดดยามบ่าย กลายเป็นสายรุ้ง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตกเจ็ดสี
ขอขอบคุณภาพสวย ๆ และข้อมูลจาก paiduaykan.com สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.paiduaykan.com/travel
ติดต่อดเรา เที่ยว วัดภูทอก
ภูทอก เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง จ.บึงกาฬ โดยมีพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เป็นผู้ก่อตั้ง ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว ภูทอก มี 2 ลูก คือภูทอกใหญ่และภูทอกน้อยส่วนที่นักแสวงบุญและ นักท่องเที่ยวทั่วไป สามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการ เดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก ใช้เพียงแรงงานคนสร้างบันได เวียนไปมา รอบภูทอกแบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็มจากชั้น 1-7 จะมีบันไดไม้ให้เดินแบบ ตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของยอดภูทอก และตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินชม แบบสะพานเวียนรอบเขาซึ่งจะ ได้เห็น มุมมองที่แตกต่างไปเรื่อย ๆ บันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรมที่น้อมนำ สัตบุรุษ ให้พ้นโลกแห่งโลกียะ สู่โลกแห่ง โลกุตระหรือโลกแห่ง การหลุดพ้นด้วย ความเพียรพยายามและมุ่งมั่น ภูทอก ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยว ขึ้นในวันที่ 10 -16 เมษายน ของทุกปี
ภูทอกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น แตกต่างกันดังนี้
ชั้นที่ 1-2 เป็นบันไดสู่ ชั้นที่ 3 ซึ่งเริ่มเป็นสะพานเวียนรอบเขา สภาพเป็นป่าเขามืดครึ้ม มีโขดหินลานหิน สุดทางชั้นที่ 3 มีทางแยก สองทาง ทางซ้ายมือ เป็นทางลัดไปสู่ชั้นที่ 5 ได้เลย ซึ่งเป็นทางชันมาก ผ่านซอกหินที่มีลักษณะเหมือนอุโมงค์ ทางขวามือ เป็นทางขึ้นสู่ชั้นที่ 4
ชั้นที่ 4 เป็นสะพานลอยไต่เวียนรอบเขา มองไปเบื้องล่างจะเห็นเนินเขาเตี้ยๆ สลับกัน เรียกว่า “ดงชมพู” ทิศตะวันออกจดกับภูลังกา เขตอำเภอเซกา ซึ่งมีสภาพเป็นป่าดิบ มีแม่น้ำลำธารหลายสายไหลผ่าน มีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ โดยเฉพาะมีฝูงกา มาอาศัย อยู่มาก จึงเรียกกันว่า “ภูรังกา” แล้วเพี้ยนมาเป็น “ภูลังกา” ในที่สุด ส่วนบนชั้นที่ 4 นี้ จะเป็นที่พักของแม่ชีรอบชั้นมีระยะทาง ประมาณ 400 เมตร มีที่พักผ่อนระหว่างทางเป็นระยะ ๆ
ชั้นที่ 5 หรือชั้นกลาง ถือว่าเป็นชั้ นที่สำคัญที่สุด จะมีศาลาขนาดใหญ่ พระพุทธรูป กุฏิพระ และเป็นที่เก็บสังขารของพระอาจารย์ จวนด้วย พื้นที่สะอาดกว้างขวาง ดูแล้วร่มเย็นมาก เหมาะสำหรับการนั่งสวดมนต์ปฏิบัติธรรมสำหรับนักแสวงบุญหรือผู้ที่ใฝ่หาความ สงบ ตลอดตามช่องทางเดินจะมีถ้ำอยู่หลายจุด เช่น ถ้ำเหล็กไหล ถ้ำแก้ว ถ้ำฤาษี ฯลฯ มีที่ให้นั่งพักสำหรับความอ่อนล้า ระหว่างทาง เดิน เป็นระยะ ถ้าเดินมาทางด้านเหนือจะเห็นสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พุทธวิหารอันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะแปลก และน่าอัศจรรย์ที่สุดคล้าย ๆ กับพระธาตุอินทร์แขวนที่พม่า คือ เป็นหินแยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่อย่าง ได้ฉากกับพื้นโลกพอดี ปัจจุบันมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหาร มองออกไปจะเห็นแนวของภูทอกใหญ่อย่าง ชัดเจน และมีบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขา
ชั้นที่ 6 จะเป็นจุดชมวิว ที่สวยที่สุด ตลอดทางเดินจะเป็น หน้าผายื่นออกมาทำให้ในบางครั้งเวลาเดินต้องเบี่ยงตัวออกมาเล็กน้อย โดยแต่ละจุดก็จะมีชื่อของหน้าผาที่แตกต่างกัน เช่น ผาเทพนิมิตร ผาหัวช้าง ผาเทพสถิต เป็นต้น ในช่วงฤดูหนาวจะ มีทะเลหมอก ลอยอยู่รอบ ๆ ยอดเขา ทำให้เหมือนอยู่บนสวรรค์ จากชั้นที่ 6 สู่ชั้นที่ 7 เป็นสะพานไม้เวียนรอบเขายาว 400 เมตร เกาะติดอยู่ริม หน้าผา สูงชันดูน่าหวาดเสียวอันตราย มีความยาว 400 เมตร สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และน่าชมที่สุดของชั้นนี้คือ ปากทางเข้า เมืองพญานาค ซึ่งอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตคือ มีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ซึ่งชาวบ้าน ถือว่าเป็นรอยถลอก ที่เกิดจากท้องพญานาค สัมผัส กับหิน และมีบ่อน้ำเล็ก ๆ มีน้ำขังอยู่เกือบตลอดปี
ชั้นที่ 7 จะมีบันไดไม้พาดขึ้นมา เมื่อเดินขึ้นบันไดผ่านมาแล้วจะเจอทางแยก 2 ทางเพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 7 ทางแรกเป็นทางชัน ต้องเกาะ เกี่ยวกิ่งไม้และรากไม้เดินลำบาก แถมยังมีป้ายบอกให้ “ระวังงู” ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีอยู่มากบนยอดภูแห่งนี้ด้วย ควรใช้อีกทาง หนึ่งซึ่งเป็น ทางอ้อมต้อง เดินเวียนไปทางขวามือ แต่ก็จะมาบรรจบกันด้านบนชั้น 7 หรือดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม่ทึบธรรมดา มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่
การเดินทางไปภูทอก บึงกาฬ1. รถส่วนตัว
ภูทอก อยู่ห่างจากตัวเมือง หนองคายประมาณ 185 กิโลเมตร การเดินทางจากตัวเมือง ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 ผ่านอำเภอ โพธิ์ชัย อำเภอปากคาด และอำเภอบึงกาฬ แล้วเลี้ยวขวา เข้าเส้นทางหลวง หมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล จากอำเภอศรีวิไล มีทางแยกซ้าย ผ่านบ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม สู่บ้านนาคำแคน ถึงภูทอกเป็นระยะทางอีก 20 กิโลเมตร
2. รถประจำทาง
อีกทางหนึ่งคือ เดินทางมากับรถบัส ขนาดเล็กได้ โดยเดินทางจาก อำเภอบึงกาฬ ไปลงอำเภอศรีวิไล จากนั้นเดินทาง ต่อไปโดย รถสองแถวที่ไป ภูทอก โดยใช้เส้นทาง หมายเลข 212 (บึงกาฬ-บ้านชัยพร) ประมาณ 24 กิโลเมตร และ เดินทางจากบ้านชัยพร เข้าสู่ภูทอก อีกประมาณ 22 กิโลเมตร